แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นทั่วโลก แต่บัญชีธนาคารแบบดั้งเดิมในสหรัฐฯ และยุโรปยังคงให้ดอกเบี้ยเพียง 0.1% ต่อปี

ซึ่งใครมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีอาจพิจารณานำเงินไปใช้ในการลงทุนให้งอกเงย

โดยเราจะอธิบายว่ามีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เช่น หุ้น, กองทุนรวมดัชนีหุ้น, กองทุน ETF, โภคภัณฑ์, NFT, และอื่นๆ

สารบัญ

10 วิธีที่ดีที่สุดหากมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีในปี 2024

ด้วยโอกาสทำกำไรและความเสี่ยงที่รับได้ ใครมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดี อาจพิจารณาสินทรัพย์ด้านล่าง:

  1. เหรียญคริปโต Pre-sale ที่มีศักยภาพสูงเช่น Pepe Unchained – การลงทุนด้วยเงิน 30,000 ที่ดีที่สุดในปี 2024
  2. หุ้น – กระจายความเสี่ยงด้วยหุ้นสหรัฐและต่างประเทศ
  3. กองทุน ETF – เข้าถึงสินทรัพย์หลายรายการผ่านการซื้อขายครั้งเดียว
  4. กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ – การลงทุนระยะยาวเพื่อการเกษียร
  5. บัญชีดอกเบี้ยคริปโต – สร้าง Passive Income ด้วยเหรียญคริปโตยอดนิยม
  6. กองทุนรวมดัชนีหุ้น – ลงทุนในกองทุนยอดนิยม เช่น S&P 500 หรือ ดาวโจนส์
  7. Staking เหรียญคริปโต – รับผลตอบแทนจากการล็อกเหรียญคริปโต
  8. Copy Trade – เทรดตามเทรดเดอร์มืออาชีพโดยอัตโนมัติ
  9. NFT – ซื้อ NFT ราคาถูกและขายในราคาแพง
  10. สินค้าโภคภัณฑ์ – ป้องกันความเสี่ยงจากตลาดหุ้นด้วยกำไรจากสินค้าโภคภัณฑ์

ไปยัง Sponge V2 ตอนนี้

มือใหม่ควรลงทุนอะไรดีอาจเป็นเรื่องยากได้ ซึ่งหากถามว่ามีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีก็สำคัญที่นักลงทุนต้องศึกษาอย่างละเอียด

เจาะลึกกับเรื่องมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดี?

หากถามว่าลงทุนอะไรดี? ควรพิจารณาถึงประเภทสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อเลือกการลงทุนที่เหมาะกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่ตนรับได้ที่สุด

ตอนนี้ผลิตภัณฑ์การลงทุนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงได้ทางออนไลน์และกระจายความเสี่ยงได้ง่าย

เราจะดู 10 วิธีมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีอย่างง่ายๆ เรายังมีคู่มือมีเงิน 200,000 ลงทุนอะไรดี และมีเงิน 300,000 ลงทุนอะไรดี หากต้องการลงทุนมากขึ้น

1. เหรียญคริปโต Pre-sale ที่มีศักยภาพสูงเช่น Pepe Unchained – การลงทุนด้วยเงิน 30,000 ที่ดีที่สุดในปี 2024

เหรียญคริปโต Pre-sale เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักลงทุนในการลงทุนในเหรียญก่อนที่เหรียญจะเข้าสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ คล้ายกับการซื้อหุ้น IPO ของบริษัทก่อน โดยการซื้อเหรียญคริปโตมาใหม่ในขณะที่อยู่ในช่วง Pre-sale อาจทำกำไรได้มากที่สุดในการลงทุน

โดยจะยังมีความเสี่ยงอยู่ เหรียญคริปโตทั้งหมดมีความผันผวนมากกว่าการลงทุนแบบดั้งเดิมนอกจากนี้ยังมีเหรียญคริปโตบางสกุลที่เป็นที่ทราบกันดีว่ามีการโกงนักลงทุนรายแรกๆ ทำให้ราคาลดลงหลังจากเปิดตัว

อย่างไรก็ตาม หากคุณสามารถหาโปรเจกต์คริปโตที่เชื่อถือได้และใช้งานได้จริง การลงทุนในโปรเจกต์นั้นอาจเป็นหนึ่งในการตัดสินใจทางการเงินที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ ตัวอย่างเช่น Lucky Block ในช่วง Pre-sale เหรียญถูกขายในราคา $0.00015 นั่นหมายถึงหากมีเงิน 30,000 และลงทุนใน Lucky Block ที่ราคา Presale จะได้โทเค็นมากกว่า 6.6 ล้านโทเค็น

หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ไม่นาน ราคา Lucky Block ก็พุ่งสูงขึ้นถึง 0.009 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ทำให้เหรียญ 6.6 ล้านเหรียญเหล่านั้นมีมูลค่าประมาณ 60,000 ดอลลาร์ นั่นคือเงินการลงทุนที่เพิ่มขึ้น 6,000% ภายในไม่กี่สัปดาห์หลังจากเริ่มขาย Pre-sale 

แน่นอนว่าไม่ใช่เหรียญคริปโต Pre-sale ทั้งหมดจะมีศักยภาพแบบนั้น สิ่งสำคัญคือเมื่อวิเคราะห์เหรียญคริปโต Pre-sale เพื่อให้แน่ใจว่าเหรียญดังกล่าวมีประโยชน์จริง โดยกุญแจสู่ความสำเร็จของเหรียญคริปโตคือความนิยมและการใช้งานจริง นั่นคือจุดเริ่มต้นของเหรียญคริปโต Pre-sale อันดับต้นๆ ของเราอย่าง Pepe Unchained

Pepe Unchained – เหรียญคริปโต Pre-sale ที่น่าสนใจที่สุดสำหรับคำถามที่ว่า “เมื่อมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีสุด”

Pepe Unchained ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเหรียญในตำนาน ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ในการทำกำไรอย่างมหาศาลมาแล้วในเวอร์ชั่นก่อนหน้า และด้วยเหตุผลดังกล่าว เหรียญในเวอร์ชั่นใหม่นี้จึงมีโอกาสที่จะสร้างปรากฏการณ์เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

Pepe Unchained

Pepe Unchained เป็นเหรียญมีมที่ได้รับการสนับสนุนจากชุมชนอย่างแข็งแกร่ง และในเวอร์ชั่นใหม่นี้ มันก็มาพร้อมกับบล็อกเชน Layer 2 เป็นของตนเอง ซึ่งมีคุณสมบัติในการทำธุรกรรมที่รวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำ ด้วยประโยชน์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม มากกว่าการเป็นเหรียญมีมทั่วไป ทำให้เหรียญนี้มีโอกาสเติบโตมากยิ่งขึ้นไปอีก

ดังนั้น จึงอาจจะกล่าวได้ว่า Pepe Unchained คืออีกหนึ่งเหรียญมีมที่น่าจะเติบโตได้ดีเช่นเดียวกับ Pepe ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของมัน และอาจจะทำให้ราคาพุ่งทะยานได้เป็น 10 เท่าเลยทีเดียว 

หากใครต้องการอยากจะซื้อ Pepe Unchained สามารถซื้อได้แล้วที่เว็บไซต์พรีเซลโดยตรง และเมื่อพิจารณาถึงโอกาสในการเติบโตของมูลค่า Pepe Unchained น่าจะเป็นอีกตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับเหรียญมีมมาแรง หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านเอกสารเอกสารไวท์เปเปอร์ Pepe Unchained  และสามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ทุกช่องทางออนไลน์ทั้ง X และ Telegram 

สกุลเหรียญ ไตรมาสที่ 2 ของปี 2024
ราคาเปิดพรีเซล $0.0081939
อุปทานสูงสุด 8,000,000,000 โทเค็น
เครือข่าย Ethereum
รองรับการชำระ ETH, USDT และบัตรธนาคาร

ไปยัง Pepe Unchained

2. หุ้น – กระจายความเสี่ยงด้วยหุ้นสหรัฐและต่างประเทศ

เมื่อคิดว่ามีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีก็คือหุ้น ซึ่งเป็นตัวเลือกการลงทุนอะไรให้เงินงอกเงยที่เหมาะกับมือใหม่ ซึ่งเป็นตลาดที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้ เพราะบัญชีโบรกเกอร์มุ่งเน้นไปที่ลูกค้ารายย่อยเป็นส่วนใหญ่ และนักลงทุนสามารถสร้างพอร์ตหุ้นได้ในราคาไม่กี่บาท

ผ่าน ‘การถือครองกรรมสิทธิ์แบบสัดส่วน’ ซึ่งหมายถึงสามารถซื้อหุ้นเพียงเล็กน้อยได้ ดูหุ้นของ UnitedHealth Group เป็นตัวอย่าง ตอนนี้หุ้นการแพทย์มีราคาถึง 500 ดอลลาร์ต่อหุ้น แต่กับโบรกเกอร์ eToro ให้ลงทุนเริ่มต้นได้ที่ $10 เท่านั้น และยังเป็นแอพการลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่ ซึ่งหมายความว่าเทรดเดอร์สามารถซื้อขายหุ้นจากมือถือได้

หมายความว่าเงิน $10 นักลงทุนจะซื้อหุ้นประมาณ 2% ซึ่งเหมาะกับคนมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดี เพราะจะสามารถกระจายความเสี่ยงผ่านกลุ่มบริษัทหลายๆ ประเภทได้

หุ้น tesla price chart

อีกข้อดีคือนักลงทุนมีตลาดให้เลือกมากมาย เช่น NASDAQ และ NYSE แต่โบรกเกอร์ออนไลน์หลายแห่งให้เข้าถึงตลาดหุ้นต่างประเทศได้แค่คลิกเดียว ซึ่งโบรกเกอร์บางรายจะให้ผู้ใช้ลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพได้

ตัวอย่างก็ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว และ Euronext ซึ่งให้นักลงทุนได้กระจายความเสี่ยงไปยังตลาดต่างประเทศเพื่อให้ไม่มุ่งเน้นที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เกินไป ที่สำคัญคือตอนนี้สามารถลงทุนในหุ้นได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นใดๆ

ซึ่ง eToro จะไม่เก็บค่าธรรมเนียมใดๆ ในตลาดต่างประเทศ ส่วนคำถามว่าลงทุนอะไรผลตอบแทนสูง การลงทุนในหุ้นให้ผลตอบแทนสูงก็มี 2 รูปแบบด้วยกัน

หุ้น amazon price chart

แบบแรกคือการเพิ่มมูลค่าของหุ้น โดยในช่วง 5 ปี หุ้นของ Tesla เพิ่มขึ้นมากกว่า 1,000% ซึ่งการลงทุน 30,000 บาทก็จะคิดเป็นผลตอบแทน 300,000 บาท Tesla จึงเป็นหนึ่งในหุ้นที่ดีที่สุดในการลงทุน 30,000 บาท ก่อนหน้านั้นบางคนก็ต้องการลงทุนในหุ้นก่อน IPO ซึ่งซื้อได้ผ่าน Presale เท่านั้น

แบบสองคือการจ่ายเงินปันผล หุ้นหลายตัวจ่ายปันผล และมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยระหว่าง 2-4% โดยปกติ บริษัทจะจ่ายเงินปันผลทุกๆ สามเดือน และนักลงทุนเก่งๆ มักจะนำเงินทุนไปลงทุนซ้ำเพื่อรับดอกเบี้ยทบต้นในระยะยาว

3. กองทุน ETF – เข้าถึงสินทรัพย์หลายรายการผ่านการซื้อขายครั้งเดียว

ใครที่ถามว่าลงทุนอะไรได้เงินเร็ว อาจสนใจในกองทุน ETF แต่กองทุน ETF คืออะไร? กองทุน ETF คือเครื่องมือทางการเงินที่ให้นักลงทุนทำกำไรจากกลุ่มสินทรัพย์เพียงการซื้อขายครั้งเดียว

กองทุน ETF ยอดนิยมที่สุดคือ Vanguard S&P 500 ซึ่งเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันกับดัชนี S&P 500 ด้วยการซื้อหุ้นในราคาเท่ากัน และอีกกองทุน ETF ที่ได้รับความนิยมคือ iShares Core Dividend Growth

ซึ่งติดตามหุ้นปันผล Coca-Cola, Cisco Systems, Johnson & Johnson และ Microsoft สิ่งสำคัญคือ ETF สามารถติดตามสินทรัพย์หรือตลาดใดก็ได้ โดยนักลงทุนไม่ต้องจัดการเอง

กองทุน ETF

เพราะ ETF จะจัดการให้ ซึ่งจะปรับสมดุลเป็นประจำ เว้นแต่ ETF จะถือครองสินทรัพย์ที่ไม่สร้างรายได้ เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งนักลงทุนก็จะได้รับเงินปันผลเสมอเช่นกัน

โดยปกติจะจ่ายทุก 3 เดือนตามส่วนแบ่งในกองทุน โดยอีกข้อดีเมื่อมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีก็คือมีสภาพคล่องสูง ให้นักลงทุนสามารถเปลี่ยนสถานะ ETF เป็นเงินสดได้คลอดเวลาเมื่อตลาดเปิด

กองทุน ETF ส่วนใหญ่เทรดใน NYSE Arca ซึ่งผลตอบแทนจะขึ้นอยู่กับตลาดที่เลือกซึ่ง ETF ใช้อ้างอิง เช่น ETF ที่อิงตามพันธบัตรรัฐบาลมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนน้อยกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงน้อยลงเช่นกัน

กองทุน ETF

ส่วนหุ้น ETF ที่เติบโตจะมีความเสี่ยงสูงกว่า แต่ก็มีโอกาสมีมูลค่าเพิ่มด้วย ซึ่งนักลงทุนจะสามารถซื้อผ่าน eToro ที่มีกองทุน ETF กว่า 250 รายการโดยมีค่าคอมมิชชั่น 0% เริ่มต้น $10

นักลงทุนที่อยากทำกำไรจากพลังงานสีเขียวและการลดก๊าซพิษ อาจสนใจอ่านบทความเกี่ยวกับวิธีลงทุนในคาร์บอนเครดิตผ่านฟิวเจอร์สและ ETF

4. กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ – การลงทุนระยะยาวเพื่อการเกษียร

สำหรับใครที่มีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดี? เราขอแนะนำกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นกองทุนที่นายจ้างและลูกจ้างร่วมกันจัดตั้งเพื่อเป็นการออมเงินไว้ใช้หลังการเกษียณอายุ ซึ่งเป็นสวัสดิการรูปแบบหนึ่งนั่นเอง

โดยเงินกองทุนจะมาจาก 2 อย่าง ได้แก่ เงินสะสม และ เงินสมทบ โดยเงินสะสมจะได้มาจากการหักเงินค่าจ้างของลูกจ้าง ในอัตราไม่ต่ำกว่า 2% แต่ไม่เกิน 15% ส่วนเงินสมทบจะเป็นเงินของนายจ้างที่สมทบเข้ากองทุนทุกครั้งหลังจ่ายเงินค่าจ้างในอัตราเดียวกัน

ซึ่งบริษัทจะจัดการนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดตามระดับความเสี่ยงที่รับได้และนโยบายการลงทุน ซึ่งกองทุนจะถูกจดทะเบียนกับ ก.ล.ต. เพื่อให้ลูกจ้างสามารถมั่นใจได้ว่าเงินจำนวนนี้จะเป็นของลูกจ้างทั้งหมด และไม่ผูกกับภาระใดๆ ของบริษัท

5. บัญชีดอกเบี้ยคริปโต – สร้าง Passive Income ด้วยเหรียญคริปโตยอดนิยม

บัญชีออมทรัพย์จะจ่ายดอกเบี้ยแค่นิดเดียว ตอนนี้อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของบัญชีออมทรัพย์อเมริกาอยู่ที่ 0.13% เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าการลงทุน 1,000 ดอลลาร์ที่ 50 ปี จะได้ผลตอบแทนเพียง 1,067.11 ดอลลาร์

จึงมีทางเลือกอย่างบัญชีดอกเบี้ยคริปโตที่ได้รับการสนับสนุนโดยเหรียญคริปโต ซึ่งทำงานเหมือนกับบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป โดยผู้ลงทุนจะได้รับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก

แต่บัญชีดอกเบี้ยคริปโตจะให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า เช่น Crypto.com ที่ให้บัญชีดอกเบี้ยสูงสุด 14.5% ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการล็อก

บัญชีดอกเบี้ยคริปโต

โดยผลตอบแทนจะแตกต่างกันไป เช่น บิทคอยน์จ่ายสูงสุด 3% จากการล็อก 3 เดือน Polygon จ่าย 7% ส่วน Stablecoin เช่น Tether และ Dai ซึ่งมุ่งเน้นให้มูลค่าเท่ากับเงินดอลลาร์จะให้ 6.5% ต่อปี

ซึ่งอาจดึงดูดนักลงทุนที่ไม่ชอบความผันผวนในเหรียญคริปโต และยังดึงดูดนักลงทุนระยะยาวชื่นชอบและได้รับประโยชน์จากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของโปรเจกต์

6. กองทุนรวมดัชนีหุ้น – ลงทุนในกองทุนยอดนิยม เช่น S&P 500 หรือ ดาวโจนส์

ใครมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดี? เราก็แนะนำกองทุนรวมดัชนีหุ้นที่ติดตามตลาดเฉพาะเช่น หุ้น พันธบัตร และสินค้าโภคภัณฑ์ โดยกองทุนที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือกองทุนที่ติดตามดัชนีค่าเงินดอลลาร์อย่าง S&P 500 และ Dow Jones

S&P 500 เป็นดัชนีที่ติดตามหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ 500 ใน NASDAQ และ NYSE ซึ่งมีการ ‘ลงทุน’ ตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัทจดแต่ละแห่ง

บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Apple และ Tesla จะมีเปอร์เซ็นต์มากกว่า Paypal และ Coinbase โดย S&P 500 มีเป้าหมายที่จะจำลองตลาดหุ้นสหรัฐให้ดีที่สุด ซึ่งประโยชน์หลักคือ S&P 500 ที่นำเสนอแนวทางระยะยาวและเชิงรับในตลาดหุ้น

Vanguard S&P 500 กองทุนรวมดัชนีหุ้น

S&P 500 จะปรับสมดุลทุกสามเดือน ซึ่งจะอิงตามแนวโน้มตลาด เช่น หาก Google มีมูลค่าเพิ่มในตลาด แต่ Apple มูลค่าลดลง ก็จะมีการให้เปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้นในการปรับรายไตรมาส

ตั้งแต่ก่อตั้งดัชนี S&P 500 ในปี 1926 ก็ได้สร้างกำไรเฉลี่ยที่ 10% ต่อปี ซึ่งเป็นสถิติมูลค่าราคาที่ครอบคลุมเกือบ 100 ปี โดยเมื่อลงทุนใน S&P 500 ผ่าน ETF ของ iShares หรือ SPDR ก็จะได้รับเงินปันผลประจำไตรมาส

ซึ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสจาก S&P 500 โดยอีกหนึ่งกองทุนดัชนียอดนิยมคือ Dow Jones ซึ่ง S&P 500 จะติดตามหุ้นของบริษัท 500 แห่ง แต่ Dow Jones ติดตามเพียง 30 แห่ง ซึ่งต่างเป็นบริษัทชั้นนำจากภาคส่วนตลาดหุ้นที่แตกต่างกันไป

SPDR Dow Jones Industrial Average  ETF

บริษัท Dow Jones แต่ละแห่งมีประวัติการจ่ายเงินปันผลมาอย่างยาวนาน และก็ดำเนินการคล้ายกับ S&P 500 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าดัชนียังบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจสหรัฐนั่นเอง โดย eToro ให้การเข้าถึงทั้ง S&P 500 และ Dow Jones ผ่าน ETF โดยไม่มีค่าคอมมิชชั่นและเริ่มต้นเพียง $10

ใครที่คิดว่าลงทุนอะไรดีความเสี่ยงน้อย โปรดอ่านคำวิธีลงทุนในกองทุนดัชนีตอนนี้ หรือวิธีลงทุนในกองทุนรวมก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

7. Staking เหรียญคริปโต – รับผลตอบแทนจากการล็อกเหรียญคริปโต

Staking เหรียญคริปโตได้รับความนิยมที่ให้นักลงทุนสร้างผลตอบแทนจากเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้ เพียงฝากเหรียญคริปโตลงใน Staking Pool ซึ่งจะล็อกโทเค็นไว้ตามจำนวนวันที่กำหนด

ซึ่งจะได้รับอัตราดอกเบี้ย และเมื่อระยะเวลาการ Staking สิ้นสุด ก็จะได้รับเงินฝากเริ่มต้นพร้อมดอกเบี้ยในระหว่างงวด หมายความว่าหากมูลค่าของเหรียญคริปโตเพิ่มขึ้นในขณะที่ถูกล็อก นักลงทุนก็จะได้ประโยชน์เช่นกัน

และนักลงทุนจะได้เหรียญคริปโตมากกว่าที่เริ่ม Staking โดยเราแนะนำ Quint ซึ่งเสนอ ‘Super Staking’ ซึ่งเหมือนกับการ Staking แบบดั้งเดิม แต่ให้รางวัลสูงขึ้น

quint super staking Staking เหรียญคริปโต

เพียงฝากเหรียญคริปโตลงใน Super Staking Pool ของ Quint นักลงทุนก็จะได้รับตั๋ว โดยยิ่งฝากโทเค็นมากขึ้นและยิ่งนักลงทุนเข้าร่วม Pool เร็วเท่าไหร่ก็จะยิ่งได้รับตั๋วมากขึ้นเท่านั้น และจะชนะรางวัลได้อีกด้วย

ตอนนี้ Super Staking Pool ของ Quint เสนอโอกาสชนะ Bored Ape Yacht Club NFT ซึ่งมีราคาขั้นต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์ ก่อนหน้านี้ Quint เสนอ Pool ที่มีโอกาสชนะนาฬิกาหรู 1 ใน 2 เรือน มูลค่ากว่า 100,000 ดอลลาร์

ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ก็ยังคงได้รับดอกเบี้ยจากโทเค็น Quint ซึ่งหมายความว่าจะเป็นแรงจูงใจในการเข้าร่วม Super Staking Pool เพราะจะได้เงินฝากเดิมคืนหลังจากการแข่งขันสิ้นสุด

8. Copy Trade – เทรดตามเทรดเดอร์มืออาชีพโดยอัตโนมัติ

Copy Trade เป็นอีกตัวเลือกสำหรับใครที่มีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดี? ซึ่งเหมาะกับคนที่อยากเทรด แต่ไม่มีประสบการณ์เพียงพอ โดย eToro ก็ให้ผู้ใช้เทรดตามเทรดเดอร์มืออาชีพได้

โดยนักเทรดจะใช้ eToro ลงทุนผ่านนักลงทุนที่ผ่านการตรวจสอบกว่าหลายพันราย ซึ่งให้เลือกเทรดเดอร์ที่จะ Copy Trade และอาจพิจารณาจากผลตอบแทนในอดีตของแต่ละคน อัตราส่วนของกำไรสุทธิต่อเดือน ความเสี่ยง ตลาดที่ต้องการ และระยะเวลาการเทรด

หลังจากเลือก การลงทุนทั้งหมดจะถูกคัดลอกไปยังพอร์ตอัตโนมัติ แต่ก็เป็นความเสี่ยงเพราะที่เป็นสัดส่วนการลงทุน Copy Trading จะเริ่มต้นที่ $200 เช่น สมมติว่านักลงทุนตัดสินใจจัดสรรเงิน 1,000 ดอลลาร์ให้กับนักเทรดหุ้น eToro ที่มีประสบการณ์

etoro copy trading

หากตัดสินใจลงทุน 10% ในหุ้น Microsoft, และ 5% ลงในหุ้น iRobot ผู้ใช้ eToro จะได้หุ้น Microsoft และ iRobot มูลค่า $100 ในบัญชีโดยอัตโนมัติ รวมมูลค่า $200 หากนักลงทุนตัดสินใจขายหุ้น iRobot บัญชีผู้ใช้ก็จะขายด้วย

มีแพลตฟอร์ม Copy Trade มากมายในตลาด แต่ eToro ก็เป็นศูนย์รวมของผู้ใช้ส่วนใหญ่กว่า 25 ล้านบัญชี และยังได้รับการควบคุมโดย SEC, FCA, ASIC, และ CySEC

9. NFT – ซื้อ NFT ราคาถูกและขายในราคาแพง

NFT เป็นตลาด Blockchain ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดย NFT นั้นประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยคอลเล็กชัน Bored Ape Yacht Club และ Crypto Punks ที่ขายได้กว่าหลักล้านดอลลาร์

นักลงทุนไม่ต้องเสี่ยงลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก เพราะมีคอลเล็กชันมากมายราคาถูก เพียงซื้อ NFT มาขายในราคาที่สูงขึ้นกว่าเดิม

แต่นักลงทุนต้องศึกษาเกี่ยวกับ NFT นั้นๆ เพื่อเข้าใจถึงศักยภาพในอนาคต เช่น นักลงทุนรายแรกๆ ซื้อ Bored Ape Yacht Club NFT เมื่อตอนเปิดตัวในเดือนเมษายน 2021 ในราคา $200 เท่านั้น

NFT Launchpad

ปีเดียวกัน NFT จาก Bored Ape มีราคาขายกว่า 3 ล้านดอลลาร์ นักลงทุนควรตรวจสอบเว็บ NFT Launchpad ซึ่งเป็นตลาดออนไลน์ที่ให้ครีเอเตอร์และคอลเล็กชันใหม่ๆ เปิดตัวซีรีย์ NFT สู่สาธารณะ

อีกตัวอย่างคือ NFT ของ Lucky Block ซึ่งให้การชนะรางวัล ได้แก่ บิทคอยน์มูลค่า 1 ล้านดอลลาร์หรือวันหยุดสุดหรูระดับ 5 ดาว โดยเมื่อ NFT ถูกซื้อ นักลงทุนก็จะได้รางวัลทันที

รางวัลจะจ่ายเป็น LBLOCK ซึ่งเป็นเหรียญหลักของ Lucky Block ไม่ว่านักลงทุนจะชนะหรือแพ้ก็จะได้ LBLOCK เป็นรางวัลตราบใดที่ถือ NFT เอาไว้ โดยนักลงทุนจะสามารถลิสต์ NFT ลงในตลาดเพื่อขายในราคาสูงขึ้น

10. สินค้าโภคภัณฑ์ – ป้องกันความเสี่ยงจากตลาดหุ้นด้วยกำไรจากสินค้าโภคภัณฑ์  

สังสัยวิธีเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ในปี 2024? ซึ่งเป็นประเภทสินทรัพย์สุดท้ายที่ควรพิจารณาหากมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดี โดยมีสินค้าประเภทต่างๆ มากมายที่ต้องพิจารณาในตลาด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตรหรือจากทรัพยากรธรรมชาติ

ซึ่งสินค้าโภคภัณฑ์นั้นมีมูลค่าที่แท้จริงและสินค้าโภคภัณฑ์บางชนิดก็ถูกมองว่าเป็นตัวเก็บมูลค่า จึงมักดึงดูดนักลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน

มักมีการเข้าใจผิดว่าเพื่อลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์จะต้องซื้อทองคำแท่งจริงหรือบาร์เรลน้ำมันดิบ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะหลายคนจะลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ผ่าน ETF เช่น SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ขนาดใหญ่ที่สนับสนุนโดยทองคำ

gold ETF สินค้าโภคภัณฑ์

ราคา ETF จะเพิ่มขึ้นและลดลงตามมูลค่าสปอตของโลหะมีค่า และนักลงทุนไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการจัดเก็บทองคำจริง และสามารถขายออกได้เมื่อตลาดเปิด

eToro รองรับการถือครองกรรมสิทธิ์แบบสัดส่วน เพียง $10 และที่ eToro ยังไม่มีค่าคอมมิชชั่น แต่ทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นเป็นตลาดที่เป็นวัฏจักร ซึ่งเหมาะกับใครที่กำลังศึกษาว่าลงทุนระยะสั้นอะไรดี

วิธีเลือกว่ามีเงินเอาไปลงทุนอะไรดีที่สุด

เราได้อธิบายถึง 10 วิธีมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีไปแล้ว ซึ่งแต่ละตลาดจะมีความเสี่ยงและโอกาสการทำกำไรที่ต่างกันไป

โดยเราจะอธิบายถึงวิธีหลักๆ เพื่อหาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงบ 30,000

ความเสี่ยง

สิ่งสำคัญเมื่อมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีก็คือระดับความเสี่ยง เพราะการลงทุนทั้งหมดมีความเสี่ยงในระดับหนึ่ง แต่บางประเภทก็มีโอกาสสูงกว่าในการทำกำไร

ยิ่งนักลงทุนรับความเสี่ยงได้มากเท่าใด โอกาสผลกำไรก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

เช่น เราพูดถึงเหรียญคริปโตอย่าง Lucky Block ที่มูลค่าเพิ่มขึ้น 6,000% อย่างไรก็ตาม  เหรียญคริปโตเคอเรนซี่ยังถือว่าเป็นประเภทสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงสำหรับหลายๆ คน ซึ่งเป็นผลจากการเก็งกำไร

ซึ่งแม้พันธบัตรสหรัฐฯ ที่แทบไม่มีความเสี่ยง แต่ก็ให้ผลตอบแทนประมาณ 1-2% ต่อปีเท่านั้น

เราขอแนะนำว่าควรเสี่ยงตามจำนวนเงินที่พร้อมเสียได้เท่านั้น

ผลตอบแทน

นักลงทุนควรพิจารณาระดับผลตอบแทนถ้ามีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีด้วย เช่น การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำนั้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3% ต่อปี

แต่ด้วยงบ 30,000 บาท จะได้เพียง 90 บาทต่อปี ส่วนกองทุนดัชนี S&P 500 ให้กำไรเฉลี่ยปีละ 10% ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อ 1926

เพื่อประเมินผลตอบแทนที่เหมาะสม ควรคำนึงถึงแผนการลงทุนระยะยาว

เช่น ในงบ 30,000 บาท นักลงทุนอาจจัดสรรเพิ่มอีก 1,000 ในทุกเดือน

ความผันผวน

สินทรัพย์บางประเภทมีความผันผวนมากกว่า เช่น เหรียญคริปโต ซึ่งรวมถึงบิทคอยน์และ Ethereum

แม้ว่าตลาดคริปโตจะฟื้นตัวจากช่วงตลาดขาลงได้เสมอ แต่ระดับความผันผวนก็อาจทำให้มือใหม่ซื้อขายได้ลำบาก

แม้แต่หุ้นขนาดใหญ่ก็มีความผันผวน

  • เช่น หุ้น Tesla ในช่วง 52 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีราคาต่ำสุดที่ 620 ดอลลาร์ และสูงสุดที่ 1,243 ดอลลาร์
  • ตอนนี้ Tesla ซื้อขายต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 30% และสูงกว่าระดับต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 40%

โดยรวม หุ้น Tesla เพิ่มขึ้น 23% ในช่วง 12 เดือนก่อนหน้าของการซื้อขาย

ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ

ปัจจัยที่ต้องคำนึงเมื่อมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีคือสินทรัพย์บางประเภทจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น

เช่น เมื่อลงทุนใน ETF โดยตรงกับ Vanguard จะมีค่าใช้จ่าย 500 ดอลลาร์ ซึ่งนักลงทุนจะต้องจัดสรร 50% ของเงินลงทุน 30,000 ลงในสินทรัพย์เดียว

หุ้น Goldman Sachs ที่ Ally Invest ซึ่งไม่รองรับหุ้นสัดส่วน นักลงทุนจะต้องซื้อหุ้นอย่างน้อยหนึ่งตัวในราคาถึง $300

โบรกเกอร์ที่สนับสนุนการถือครองกรรมสิทธิ์แบบสัดส่วนจะเอื้อต่อแผนการลงทุนระยะยาวในงบ 30,000 กว่า โดยหุ้นและ ETF ทั้งหมดที่ eToro สามารถซื้อได้ในราคา $10

พิจารณาถึงสภาวะตลาด

อีกวิธีหนึ่งเมื่อมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีคือการพิจารณาถึงสภาวะตลาด ซึ่งขึ้นอยู่กับสุขภาพของตลาด โดยผลิตภัณฑ์การลงทุนบางประเภทจะมีประสิทธิภาพดีกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ

เมื่อตลาดหุ้นผ่านช่วงขาลง ตอนปลายปี 2007 ถึงต้นปี 2009 ทองคำมักมีประสิทธิภาพดี เช่นเดียวกับธนบัตรสหรัฐฯ ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง

แต่เมื่อเศรษฐกิจแข็งแกร่งและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสูง ก็มักจะทำให้ตลาดหุ้นมีประสิทธิภาพดี

เมื่อประเมินว่าลงทุนอะไรดีตอนนี้ ก็อาจมุ่งเน้นไปที่สินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพดีในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เช่น นักลงทุนอาจมองหากองทุนเพื่อการลงทุนที่ยั่งยืนที่ดีที่สุด

ลงทุน 30,000 ในอะไรดี?

ในแง่ของการลงทุนด้วยงบ 30,000 นักลงทุนจะค้นหาประเภทการลงทุนที่ดีที่สุดเพื่อกระจายความเสี่ยง

ซึ่งอาจรวมถึงหุ้น, ETF, กองทุนดัชนี และสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น พันธบัตรต่างประเทศและเหรียญคริปโต

รวมถึงโปรเจกต์คริปโตใหม่อย่าง Pepe Unchained โดยในช่วง Pre-sale ที่ราคาถูกกว่า

ไปยัง Pepe Unchained

บทสรุป

เราได้อธิบายว่ามีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีในตลาด ซึ่งได้แก่ หุ้น, ETF, กองทุนดัชนี, และสินค้าโภคภัณฑ์

เหรียญคริปโตก็น่าพิจารณาเพราะมีประสิทธิภาพดีกว่าสินทรัพย์อื่นตลาดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

โดย Sponge V2 ที่เป็นโปรเจกต์คริปโตใหม่ที่ได้รับแรงดึงดูดจากนักลงทุนจำนวนมากในช่วง Pre-sale โดยนักลงทุนสามารถซื้อโทเค็นในราคาเพียง $0.000553 ในตอนนี้

Sponge V2 มีเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับสถานะเหรียญซึ่งมียูทิลิตี้พื้นฐานที่ยอดเยี่ยม โดยเหรียญดังกล่าวจะอยู่ในช่วง Pre-sale ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอนาคตอันใกล้นี้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดี

วิธีลงทุนอะไรดีที่สุดในงบ 30,000?

ลงทุนอะไรให้เงินงอกเงยเร็วในงบ 30,000?

งบ 30,000 จะได้ผลตอบแทนเท่าไหร่?

ลงทุน 300 เพื่อทำ 30,000 ต่อวันยังไง?